< (First) Lady, Be good>
ในบรรดานักประพันธ์เพลงอเมริกันยุคก่อนทศวรรษ50's พี่น้อง Gershwin คือคนโปรดของผม เพลงของพวกเขามีความแตกต่างจากนักแต่งเพลงคนอื่นๆในยุค มันมีความทันสมัยล่วงหน้าไปหลายสิบปี ความแจ๊สซี่แบบสง่างามในท่วงทำนองอันแสนอัจฉริยะจากจอร์จ, เกอร์ชวินผู้น้อง และเนื้อเพลงที่คมคาย สนุกสนานกับภาษา และสัมผัสอันเหลือเชื่อจากพี่ชาย ไอร่า ส่วนมากเพลงดังของพวกเขาจะเป็นเพลงประกอบละครบรอดเวย์ในยุคทศวรรษ 20-30
สุภาพสตรีหมายเลข ๑ แห่งวงการเพลง เอลล่า ฟิตซ์เจอรัลด์ ขับร้องทั้ง 50 กว่าแทร็คนี้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าเธอตระหนักดีว่ากำลังทำหน้าที่สำคัญในการบันทึกประวัติศาสตร์ ป้าเอลล่าพยายามถ่ายทอดทุกบทเพลงอย่างซื่อตรงต่อต้นฉบับ การบิดหรือแต่งเติมมีน้อยมาก (เธอโชว์การสแคทแค่เพลงเดียวในซีรีส์) แม้แต่เพลงสนุกๆ ก็ยังเป็นความสนุกที่อยู่ในกรอบแบบแผน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าป้าร้องด้วยความเกร็งหรือไร้ชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
เอลล่าอายุ 41 ปีตอนร้องเพลงในชุดนี้ จอร์จ เกอร์ชวิน เสียชีวิตไป 22 ปีแล้ว (จากมะเร็งในสมองอย่างเฉียบพลันในปี 1937) แต่ไอร่า ยังอยู่ เขาดูแลโปรเจ็คนี้อยู่ห่างๆ และเข้ามาช่วยแก้ไขเนื้อเพลงบางท่อนให้เหมาะสม เขาดูจะพอใจกับการร้องของเอลล่าในซีรีส์นี้มาก และเอ่ยชมไว้ว่า "ผมไม่เคยรู้เลยว่าเพลงของพวกเรานั้นดีแค่ไหน จนกระทั่งมาได้ยินเอลล่าร้องเพลงเหล่านี้" ว่ากันว่าไอร่า ไม่ค่อยปลื้มกับการนำเพลงของเกอร์ชวินมาร้องแบบอิมโพรไวส์เกินเลยไปมากๆ (คิดถึงใครหนอ)
จอร์จ มักมีคำกำกับไว้ในบทเพลงของเขาว่าควรจะร้องหรือเล่นอย่างไร อาทิใน "But Not For Me" เขาเขียนไว้ว่า "ให้ร้องในแบบคนมองโลกในแง่ร้าย แต่ไม่ให้ฟังออกไปทางบลูส์แม้แต่นิดเดียว" ลองฟังดูสิครับ ว่าป้าเอลล่าทำได้ไหม
ถ้าจะเลือกเพลงที่เป็น show stopper ของซีรีส์เพลงเดียว คงต้องเป็นเพลง "Lady Be Good" ที่เอลล่าร้องอยู่หลายเทคมาก จนเธอบ่นออกมาว่า "ฉันคงไม่มีวันทำมันได้" แต่เธอก็ทำได้ ก่อนหน้านี้เพลงนี้มักจะถูกนำมาเล่นแบบปานกลางค่อนข้างเร็ว ทั้งๆที่จอร์จแต่งมันไว้สำหรับร้อง-เล่นช้าๆ เอลล่ากลับไปทำอย่างนั้นอีกครั้ง และมันคืออะไรที่ไพเราะระดับโลกตะลึง (เพลงนี้ไอร่ามาช่วยแก้เนื้อเล็กน้อย เพราะเดิมเป็นเพลงสำหรับนักร้องชาย)
เนลสัน ริดเดิล อะเรนเจอร์มือทองแห่งยุค ร่วมงานกับเอลล่าเป็นครั้งแรก ทั้งสองเข้าขากันได้เป็นอย่างดี วงที่เนลสันใช้ในงานนี้เป็นกลุ่มเครื่องสายบวกเครื่องเป่า แทบไม่น่าเชื่อว่าเขามีไอเดียมากมายทำให้แต่ละแทร็คมีลีลาไม่ซ้ำกันเลย
บทเพลงที่นำมาเล่น มีทั้งเพลงสุดฮิตของเกอร์ชวินอย่าง The Man I Love, I Got A Crush On You, Someone To Watch Over Me, They Can't Take That Away From Me หรือ 'S Wonderful และเพลงที่แทบจะไม่เคยมีใครได้ฟังมาก่อน อาทิ The Real American Folk Song (บันทึกเสียงลงแผ่นเป็นครั้งแรก) หรือ The Half of It, Dearie Blues แต่ไม่มีงานจากแจ๊ส-โอเปร่าอันสุดโด่งดัง Porgy and Bess เพราะ เอลล่าเกี่ยวก้อยหลุยส์ อาร์มสตรอง ร้องมันยกอัลบั้มไปก่อนแล้ว คุณจึงไม่ต้องเงี่ยหูหาเพลง Summertime ในกล่องนี้ ที่เป็นซีดีสามแผ่น หรือแผ่นไวนีล 5 แผ่น (จัดเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในซีรีส์ song book ของป้าเอลล่า)
ใน Verve Master Edition ที่ออกมาในปี 1998 จะมีแผ่นแถมหนึ่งแผ่น รวมเพลง out-takes และ mono versions 8 เพลง เสียงร้องของเอลล่าในโมโนนี้ยิ่งสุดยอดเข้าไปอีก แต่ก็ต้องแลกกับความอลังการของออเคสตร้าของริดเดิลที่ถดถอยลง ด้วยเหตุผลทางเทคนิคของไมโครโฟน
คำว่า standard อาจจะหมายถึงแนวดนตรี แต่ ณ ที่นี้ มันมีอีกความหมายหนึ่ง นี่คือบรรทัดฐานอันสูงส่งที่ทุกวันนี้ยังไม่มี American song book ชุดใดไปได้ถึง
Sings The George and Ira Gershwin Song Book ชุดนี้ของป็าเอล เป็น masterpiece อย่างแท้จริงครับ ฟังไม่เบื่อเลย (จริง ๆ ก็ชุด Song Book ทั้ง 8 ชุด แหละ)
ReplyDeleteปล. เสียงป๊าใสมากอย่างกับไม่ใช่คนอายุ 40 กว่าเลย (ตอนนี้ป๊าเอลล่าเป็นนักร้องในดวงใจลำดับที่สองไปแล้ว)