บังเอิญจัง ที่แทร็คหนึ่งในอัลบั้มนี้ของควีน ผลงานของไบรอัน เมย์ มีชื่อเพลงตรงกับอันดับในวันนี้พอดี--'39 ร็อคคาวบอยเนื้อหาไซไฟย้อนเวลา แต่ถ้าคุณฟังเพลงนี้เป็นเพลงแรกในอัลบั้ม แล้วคิดว่านี่จะเป็นแนวทางให้นึกถึงเพลงอื่นๆใน A Night At The Opera คุณพลาดแล้วล่ะ เพราะแต่ละเพลงในราตรีแห่งโอเปร่านี้แทบไม่มีเพลงไหนเหมือนกันจริงๆเลย
หลังจากเอาชนะปัญหาเงินๆทองๆและสัญญาที่เอารัดเอาเปรียบไปได้ระดับนึง ควีนเข้าห้องอัดกันด้วยความมุ่งมั่นสูงส่งในปี 1975 "มันอาจจะเป็น Sgt. Pepper ของเราก็ได้" ไบรอัน เมย์ เคยกระชุ่นเอาไว้ และในนัยยะหนึ่ง มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คงไม่ต้องบอกหรอกนะ ว่านี่คือ Queen's masterpiece
ควีนหลุดทะลุความเป็นฮาร์ดร็อคเกือบๆเมทัลใน Sheer Heart Attack อัลบั้มที่แล้ว มาสู่ความเป็นสุ้มเสียงที่คนจะจดจำกันตลอดไปในความเป็น Queen ร็อคหนักหน่วง,อลังการ,สร้างสรรค์,สุดเว่อร์,สุดดราม่า และ แสนไพเราะ
แนวร็อคหนักยังมีให้ฟังกันเน้นๆใน Death On Two Legs, I'm In Love With My Car และ Sweet Lady ส่วน Lazing On A Sunday Afternoon และ Seaside Rendezvous เล่นกับแนว British Music Hall ได้อย่างสนุกสนานและสมบูรณ์แบบ การประสานเสียงระดับ"บ้าไปแล้ว"และความหนักหน่วงซับซ้อนใน The Prophet's Song คือพร็อกเมทัลที่มาก่อนกาล จะเชื่อไหมว่าแนวแจ๊สก็ยังมีให้ฟังใน Good Company, แต่ถ้าต้องการเพลงป๊อบ จอห์น ดีคอน มอบให้คุณใน You're My Best Friend และสุดท้าย Love of My Life บัลลาดกินใจไพเราะเรียบง่ายที่น่าจะเป็นเพลงช้าหวานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขา
และมันก็มี Bohemian Rhapsody ชื่อเพลงหมายถึงเพลงยาวที่มีหลายลีลาในเพลงเดียว และเป็นเรื่องราวของพวก "คนนอก" ที่ทำอะไรขัดกับแนวทางของสังคม ตัวเพลงเองมันก็เป็นโบฮีเมียนในตัวของมันเอง คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากเพราะมีการพูดถึงและชำแหละมันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่คุณอาจจะยังไม่รู้ว่า ตอนที่พวกเขาเริ่มทำเพลงนี้กัน มันเป็นแค่เพลงตลกๆเพลงหนึ่งที่เล่นกันไปขำกันไปตลอด เฟรดดี้จะเล่นท่อนช้าสองสามท่อนแรกด้วยเปียโน ก่อนจะหยุด แล้วบอกเพื่อนๆว่า "เอาล่ะที่รัก,ตรงนี้จะเป็นท่อนโอเปร่านะ"
------------
คืนนั้นในเดือนพ.ย. 2016 ผมมองไปที่ฟุตเตจของเฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ บนจอมอนิเตอร์ แน่นอน การแสดงของควีนที่อิมแพ็คอรีน่าครั้งนี้ไม่มีตัวจริงของเขาที่จากไปหลายปีแล้ว แต่ทุกสายตากำลังจ้องมองภาพบันทึกนั้น เฟรดดี้กำลังร้องเพลง Bohemian Rhapsody ไม่มีใครสนใจนักดนตรีจริงๆที่เหลือบนเวที จนกระทั่งท่อนโซโล่ ที่ภาพตัดมาที่ไบรอัน เมย์ ในชุดเทวดาผ้าคลุมสีขาวที่เราคุ้นเคยจากยุคนั้น เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่หนุ่มเมย์ แต่เป็นไบรอัน เมย์ตัวจริงบนเวทีในชุด(แบบ)เก่านั้น วินาทีนั้นสมองเราถูกดึงกลับมาสู่ปัจจุบัน ผมบอกตัวเองว่าโชคดีเหลือเกิน ที่ได้มาดูพวกเขา แม้จะเพียงแค่ครึ่งวง มันคือราตรีแห่งโอเปร่าสำหรับพวกเราคนดูทุกคนในคืนนั้น
God save the queen.
No comments:
Post a Comment