Friday, February 24, 2017

#3 Derek and the Dominos :: Layla and other Assorted Love Songs (1970)


บทคัดย่อ : Layla เป็นงานที่กลั่นออกมาจากหัวใจที่ปวดร้าว เล่นด้วยนักดนตรีฝีมือเก่งขั้นเทพลงมาแสดงปาฏิหาริย์ และทีมดนตรีที่เข้าขากันด้วยการแจมต่อเนื่องยาวนาน มันคือปรากฏการณ์ครั้งหนึ่งในโลกดนตรีที่ไม่ได้มีบ่อยๆ
-------
เมื่อผู้ชายสักคน ไม่อาจได้รับการสนองตอบในรักที่เขาโหยหา
ถ้าเขาเป็นคนธรรมดา ก็อาจจะชวนเพื่อนมานั่งกินเหล้าปรับทุกข์
ถ้าเขาเป็นวัยรุ่นขี้ยา เราอาจจะได้เห็นชือของสาวคนนั้นถูกพ่นตามกำแพง
ถ้าเขาเป็นกวี แน่ล่ะ ต้องมีบทกลอนอันปวดร้าวออกมาจากหัวใจและปลายปากกาของเขา
และถ้าเขาเป็นนักกีต้าร์ บลูส์แมน อย่าง Eric Clapton ล่ะ
คำตอบชัดเจน เขาต้องทำอัลบั้มอันแสนเศร้าเพื่อระบายความทุกข์ระทมนั้น
และLayla and other assorted love songs คืออัลบั้มนั้น
คนระดับ Eric Clapton ถ้าจะไปชอบพอหญิงคนไหนในยุคนั้น
คงจะไม่ยากเข็ญอะไรนักที่เขาจะเอาชนะใจ
แม้ว่าหล่อนจะเป็นภรรยาของเพื่อนก็ตามที
แต่นี่ดันเป็นเพื่อนรัก
และเพื่อนรักคนนั้นไม่ใช่ระดับธรรมดา เขาคือ Beatle George Harrison
เรื่องเหล่านี้คือตำนาน
--------------
Layla คืองานคลาสสิกของวงการร็อคแอนด์โรลอย่างไม่มีใครจะเถียง แต่ตอนมันออกมาใหม่ๆในปี 1970 อัลบั้มนี้คว่ำไม่เป็นท่า ทั้งยอดขายและคำวิจารณ์ เพราะไม่มีใครรู้ว่า Derek คือ Eric Clapton และแคลปตันก็คิดว่างานนี้มีความดีพอที่จะขายได้ด้วยตัวของมันเอง เขาคิดผิดถนัด แต่ในที่สุดโลกก็เริ่มรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และมันก็ไต่เต้าไปอยู่ในสถานะที่มันคู่ควรในที่สุด

Derek and the Dominos ประกอบไปด้วยตัวแคลปตัน (ร้อง, กีต้าร์) และอีกสามอดีตสมาชิกของ Delaney and Bonnie คือ Bobby Whitlock (ร้อง, คีย์บอร์ด) , Carl Radle (เบส), Jim Gordon (กลอง) รวมทั้งแขกรับเชิญอีก 1 ท่านคือ Duane Allman ยอดมือกีต้าร์จาก The Allman Brothers Band Layla and other Assorted Love Songs คือสตูดิโออัลบั้มชุดเดียวของพวกเขา แต่นั่นก็เพียงพอกับการที่จะเป็นตำนาน มันคืองานที่ผสมผสานแนว Memphis Soul, Country, Blues, Rock and Roll ไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนและไม่เหมือนใคร ด้วยฝีมือของนักดนตรีที่เอกอุและเข้าขากันอย่างเหลือเชื่อ ฝีมือริธึ่มเซ็กชั่นของ Carl และ Jim นั้นเรียกว่าไม่แพ้ใครในรุ่นเดียวกัน (แคลปตันเคยชมว่าจิมเป็นมือกลองที่ดีที่สุดที่เขาเคยเล่นด้วยมา) และเสียงร้องของ Bobby ที่ตะเบ็งแข่งและสลับกับแคลปตันก็สร้างอารมณ์ในแบบเพลงของ Sam & Dave ได้ไม่เลว ส่วนตัวแคลปตันเองก็ไม่เคยร้องเพลงได้อารมณ์เท่านี้มาก่อน และฝีมือกีต้าร์ของเขาก็สุดเสียงสังข์ไม่แพ้ยุค Cream หรือสมัยเล่นกับ John Mayall เลย
หลังจากผิดหวังกับ Blind Faith ซุปเปอร์กรุ๊ปวงใหม่ของเขาที่ไปได้แค่อัลบั้มเดียว แคลปตันก็หันไปสนุกสนานกับการแจมและออกทัวร์กับทีมนักดนตรีอเมริกันที่เคยเป็นวงเปิดให้ Blind Faith: Delaney and Bonnie และต่อมา Delaney ก็เชียร์ให้เขาออกอัลบั้มเดี่ยว (เสียที) โดยเขาจะช่วยแต่งเพลงและโปรดิวซ์ให้ ผลที่ได้คืองานโซโลชุดแรกของแคลปตันในชื่อ Eric Clapton ดูเหมือนเขาจะกลายมาเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว

แต่แล้วเมื่อเขาทราบว่าลูกวงของ Delaney แตกกระเซ็นในเวลาต่อมา แคลปตันก็ไม่รีรอที่จะเปิดอ้อมแขนรับ Bobby, Carl และ Jim เข้ามาร่วมวงด้วย ทั้งสามย้ายมาปักหลักที่บ้านของแคลปตันกันเลยทีเดียว และเริ่มต้นแจมกันอย่างไม่รู้เดือนรู้ตะวัน เคมีของเขาทั้ง 4 เข้ากัน รวมทั้งสารเคมีจากภายนอกทั้ง up และ down ที่เติมเต็มเข้ามาตลอดการเล่นดนตรี

ในอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่ดำเนินไปพร้อมๆกัน แคลปตันเริ่มตกหลุมรัก Pattie ภรรยาของ George Harrison เพื่อนรักมาได้พักหนึ่งแล้ว เขาแอบสังเกตว่าชีวิตแต่งงานของจอร์จและแพ๊ตตี้ไม่ค่อยจะราบรื่นนัก พระเจ้าแห่งกีต้าร์ได้พยายามหาโอกาสจีบเมียเพื่อนอยู่เนืองๆ แต่แพ๊ตตี้ก็ไม่ใจอ่อนเสียที บทเพลงที่เขาแต่งในอัลบั้มนี้เป็นการระบายความในใจที่อัดอั้นให้แพ๊ตตี้ล้วนๆ

การบันทึกเสียงครั้งแรกของพวกเขาคือมาเล่นแบ็คอัพให้ George Harrison ในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของจอร์จ All Things Must Pass ที่โปรดิวซ์โดย Phil Spector โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือฟิลต้องโปรดิวซ์ซิงเกิ้ลให้พวกเขา 1 แผ่น ผลงานที่ออกมาคือ Roll It Over (จอร์จเล่นกีต้าร์ด้วย) และ Tell The Truth มันเป็น rock and roll-blues ในแบบ wall of sound ที่ยอดเยี่ยมทีเดียว น่าเสียดายที่การร่วมงานของฟิลและ Derek and the Dominos จบลงแค่นี้ (Tell The Truth ถูกนำมาเล่นอีกครั้งใน Layla ในการเรียบเรียงที่ต่างกันกับเวอร์ชั่นนี้มากมาย)

แคลปตันพาลูกวงไปที่ Criteria Studios ในไมอามี่ เพื่อบันทึกเสียง LP ชุดแรก พวกเขาพกฝีมือและความเมามายไปเต็มเปี่ยม แต่บทเพลงในมือยังมีไม่มากนัก จึงต้องอาศัยเพลงบลูส์เก่าๆมาเป็นวัตถุดิบด้วย Duane Allman เข้ามาเสริมทีมภายหลัง หลังจากแคลปตันดอดไปดูเขาแสดงแล้วชวนมาแจมด้วยและจีบมาทำอัลบั้มด้วยในที่สุด Duane ไม่ได้เล่นทุกเพลงในอัลบั้ม และเมื่อเราฟังเพลงที่ไม่มี Duane (3 เพลงแรกใน LP) ก็จะพบว่าแคลปตันและลูกวง “เอาอยู่” อยู่แล้ว แต่เพลงที่ยอดนักสไลด์เข้ามาเล่นด้วย ยิ่งยกระดับความยิ่งใหญ่ของบทเพลงขึ้นไปอีก แคลปตันนั้นเป็นที่รู้กันว่าเขาจะเล่นดีขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อมีนักกีต้าร์มือดีๆมาประกบด้วย คงไม่มีตัวอย่างไหนเห็นได้ชัดกว่าในอัลบั้มนี้ ไม่ว่าจะเป็นการโซโลไฟลุกใส่กันแบบไม่ยั้งใน Why Does Love Got To Be So Sad, บลูส์หลุดโลก Key To The Highway หรือไทเทิลแทร็คที่แคลปตันและ Duane แข่งกันสไลด์อย่างเมามันบนท่อนริฟฟ์บันลือโลกนั้น และเพลงเผยความในใจที่แสนระทม Have You Ever Loved A Woman เขาทั้งสองยังร่วมกันเล่น Little Wing ของ Jimi Hendrix ในแบบที่เจ้าของเพลงถ้าได้ฟังคงต้องภูมิใจ (แต่เฮนดริกซ์ไม่เคยได้ฟัง เขาตายเสียก่อน)

แคลปตันสุดจะประทับใจในฝีมือของ Duane และชวนเขามาเป็นโดมิโนตัวที่สี่อย่างเป็นทางการและเต็มตัว แต่ Duane ไม่เอาด้วย เพราะเขามี”ครอบครัว”แล้ว นั่นก็คือ Allman Brothers แต่ Duane ก็เสียชิวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในอีก 1 ปีถัดมา

หลังจากอัลบั้มชุดแรกขายไม่ดีนัก พวกเขาก็กลับมาเข้าห้องอัดกันที่ Olympic Studios ในปี 1971 เพื่อบันทึกเสียงอัลบั้มชุดสอง แต่ทำกันไปได้แค่กี่เพลงวงก็แตก ด้วยสาเหตุของการใช้ยาอันหนักหน่วงของแต่ละคนอันนำมาซึ่งความหวาดระแวงและการทะเลาะเบาะแว้งในที่สุด ยังดีที่ยังมี่การบันทึกเสียงเอาไว้ได้บางส่วนที่ฟังดูแล้วก็ไม่เลวทีเดียว เช่น Snake Lake Blues, Evil, Mean Old Frisco, One More Chance และเพลงที่น่าจะดีที่สุดในเซสชั่น Got To Get Better In A Little While ต้องบอกว่าน่าเสียดายจริงๆครับที่พวกเขาไม่อาจอยู่กันทำต่อจนเสร็จ

แคลปตันเคยเชิญแพ็ตตี้มานั่งฟังอัลบั้มนี้ที่บ้านหลังจากบันทึกเสียงเสร็จใหม่ๆ หวังว่าจะทำให้เธอใจอ่อนยอมมาอยู่กับเขาด้วยพลังของบทเพลงที่เขาสร้างเอาไว้ แพ๊ตตี้รู้สึกทึ่ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นจะทิ้งสามีมาอยู่กับเขา แคลปตันขู่ว่าถ้าไม่มาเขาจะเสพเฮโรอีนแบบ full-time แพ๊ตตี้ได้แต่ยิ้มๆ และแคลปตันก็ทำตามนั่น ชีวิตเขาดำดิ่งลงไปในความมืดอีกสามปีเต็ม

Layla เป็นงานที่กลั่นออกมาจากหัวใจที่ปวดร้าว เล่นด้วยนักดนตรีฝีมือเก่งขั้นเทพลงมาแสดงปาฏิหาริย์ และทีมดนตรีที่เข้าขากันด้วยการแจมต่อเนื่องยาวนาน มันคือปรากฏการณ์ครั้งหนึ่งในโลกดนตรีที่ไม่ได้มีบ่อยๆ

No comments:

Post a Comment