Wednesday, February 8, 2017

#31 Eagles :: Hotel California (1976)

ราตรีทะเลทราย
เย็นพระพายพัดโบกมา
กลิ่นอุ่นคล้ายกัญชา
ออกลีลาในอารมณ์
เงยมองไปเบื้องหน้า
แสงส่องมาผ่านสายลม
เหนื่อยล้าแสนตรากตรม
คงต้องนอนผ่อนกำลัง
สาวหนึ่งที่ทางเข้า
มือสาวเจ้าสั่นระฆัง
ฉันยืนนะจังงัง
สดับฟังบอกตัวเอง
นี่อาจเป็นสวรรค์
หรือกลับกันอลเวง
นรกอันครื้นเครง
พลันทันใดเห็นแสงเทียน


.
การลาออกจากวงของ Bernie Leadon เหมือนฟางเส้นสุดท้ายของสายดนตรีคันทรี่ในความเป็น Eagles แทบไม่ต้องหายใจ,การมาถึงอย่างรวดเร็วเหมือนจ่อรอคิวไว้แล้วของ Joe Walsh สร้างความแคลงใจแก่แฟนๆหลายคนว่ามันจะแทนกันได้หรือ เพราะแนวของโจนั้นมันคนละทางกับ Eagles เลยนี่ เขามันสายร็อคจิ๊กโก๋ฟังกี้ยียวน แต่ก็นั่นแหละ การเปลี่ยนกองหลังออก ก็ไม่จำเป็นต้องเอากองหลังมาแทนที่เสมอไป และนี่คือเกมบุกของ Eagles เข้าสู่ความยิ่งใหญ่ในความเป็นร็อคเต็มตัว

มันคือ concept album ชุดที่สองของ Eagles ต่อจาก Desperado นี่คือด้านมืดของความฝันอันแสนหวานในแบบอเมริกัน สังคมที่เต็มไปด้วยภาพลวงตาและความสุขฉาบฉวยอันสวยหรู (Hotel California และ New Kid In Town) ชีวิตที่เร่งรีบและล่อแหลม เสพติดวัตถุแต่ไม่เคยพานพบความสุขที่แท้จริง (Life In The Fast Lane) นักการเมืองน่ะหรือ? มีอำนาจเมื่อไหร่ก็ได้เรื่องทุกทีไป (Pretty Maids All In A Row) และสังคมที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือมนุษย์ และก็เป็นเขาเองที่กำลังจะทำลายมันย่อยยับ (The Last Resort) ส่วนเพลงอื่นๆเป็นเพลงรักที่เข้ามาเติมเต็ม

ไทเทิลแทร็คอันยิ่งใหญ่เริ่มมาจากการดีดกีต้าร์เล่นๆริมหาด Malibu ของ Don Felder จนเป็นเดโม 4 แทร็ค ที่ Henley และ Frey ถูกใจ มันมีบรรยากาศของเพลงเม็กซิกัน ทำนองออกสแปนิช และจังหวะออกไปทางเร็กเก้ สองผู้นำแต่งเนื้อเพลงและอื่นๆลงไป โดยมี Joe Walsh รับหน้าที่เป็นผู้กำกับท่อนโซโล่กีต้าร์ท้ายเพลง ที่เป็นฝีมือการดวลกันของโจและเฟลเดอร์ มันคือหนึ่งใน greatest solo guitars of all time เนื้อหาของ Hotel California (เพลง) เต็มไปด้วยสัญลักษณ์อันชวนเชิญต่อจินตนาการสารพัด ตั้งแต่เรื่องของซาตาน,ผู้ป่วยโรคมะเร็ง จนไปถึงการบรรยายเพดานของห้องอัด Record Plant (Henley ปฏิเสธทฤษฎีนี้โดยสิ้นเชิง) แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกการตีความจะมีเหมือนกันก็คือ..... การติดกับอยู่ในด้านมืดอันแสนหวาน ไร้ซึ่งความหวังที่จะสะบัดหลุดพ้น.

New Kid In Town เล่าเรื่องของสมาชิกใหม่ในสังคมที่ได้รับการแห่แหนด้วยความเห่อ เป็นสัญลักษณ์ที่ตีความไม่ยาก เสียงประสานของพวกเขากลมกล่อมเหลือเกิน Life In The Fast Lane ท่อนริฟฟ์ที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยมีในอัลบั้มของ Eagles , Joe Walsh สไลด์กีต้าร์ได้เลิศรสใน Victim of Love และได้โชว์เสียงร้องกวนโอ๊ยของเขาใน Pretty Maids All In A Row, Randy ร้องนำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากวงในเพลงของเขา Try And Love Again ที่ Frey โซโล่กีต้าร์ได้หมดจด (เกลนน์มีฝีมือกีต้าร์ไม่แพ้ใคร แต่เมื่อมีเฟลเดอร์และวอลช์แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปโซโล่แข่งกับสองคนนั้นทำไม) Wasted Time คือบัลลาดทีสร้างจากความล้มเหลวในความสัมพันธ์ มันน่าจะมาจากชีวิตจริงของ Henley

The Last Resort ปิดอัลบั้มได้อย่างงดงามที่สุด In the name of destiny and in the name of god.....

มีคนถาม Don Henley ว่า ทุกเพลงในอัลบั้มนี้เป็น concept เดียวกันหรือไม่ มือกลอง/นักร้องคนเก่งตอบว่า "....ทุกเพลงของ Eagles อยู่ในคอนเซพท์เดียวกัน ความสูญสลายของความไร้เดียงสา, การสำรวจเข้าไปในใจกลางอันมืดมิดของความฝันแบบอเมริกัน,ความสำนึกในความดำรงอยู่และความไร้สาระของอุดมคติแห่งชีวิต, การต่อสู้ระหว่างภาพลวงตาและของจริง, ความยากในการถ่วงดุลย์ระหว่างรักและงาน,การคอรัปชั่นในทางการเมือง และ ความเลือนลางของ สันติภาพ,ความรักและความเข้าใจในแบบยุค 60's...." ตอบหล่อเหลือเกินนะท่านดอน....
.
ท้ายสุดที่ทรงจำ
ฉันวิ่งจ้ำออกจากงาน
ช้าไปไม่ได้การ
ต้องกลับบ้านก่อนวอดวาย
คุณยามยิ้มพลางบอก
คุณออกได้แค่เพียงกาย
หัวใจอย่าได้หมาย
มิอาจกรายจากเราไป
..........................
ข้อมูลบางส่วนจาก Starpics ฉบับ Eagles โดย คุณสมบูรณ์ งามสุริยโรจน์

No comments:

Post a Comment