รู้จักวงดนตรีชื่อสั้นๆ และเหมือนจะเล่นคำแบบอยากจะเท่วงนี้ตั้งแต่งานชุดที่สามของพวกเขา "War" (ซื้อเทปจากร้าน Rex Video อัดควบกับ The Final Cut ของ Pink Floyd ด้วยเทปโซนี่ ช่างเป็นการจับคู่ที่สมน้ำสมเนื้อยิ่งนัก เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามทั้งคู่)
รู้สึกแปลกใจกับสุ้มเสียงที่เปลี่ยนไปในอัลบั้มต่อมา The Unforgettable Fire (คราวนี้ใช้บริการพีค็อก) มันเวิ้งว้าง ไร้ความสมจริง แต่เป็นความประหลาดหูที่แสนดึงดูด
ได้ดูวิดีโอการแสดงของเขาที่ Red Rocks จากร้านไอศกรีม หน้าม.ช. (ชื่อร้าน?) ร้านนี้ขึ้นชื่อด้านการเปิดวิดีโอดีๆให้ลูกค้าแก๊งไอติมอย่างพวกเรานั่งดูกันเป็นชั่วโมงๆ จนไอติมละลายไปแล้วถ้วยแล้วถ้วยเล่า
วันนั้นพวกเรา 4-5 คนเดินจากร้านออกมาโดยมีความเห็นตรงกันพร้อมเพรียงว่า โบโนช่างสุดยอดในการเอ็นเตอร์เทนบนเวที และ U2 ก็เป็นวงที่เล่นสดโคตรดี
แล้วก็มาถึงอัลบั้ม The Joshua Tree ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ผมเรียนอยู่ปี ๒ แต่เท่าที่จำได้ซื้อเทปลิขสิทธิ์ (อา...เสียที) ม้วนนี้ที่กรุงเทพฯ (ช่วงนั้นยังกลับบ้านบ่อย, และยังคิดอยู่เสมอว่าอยากกลับมาเรียนกทม.)
ถึงตอนนั้นชื่อเสียงของ U2 กระฉูดขึ้นสู่จุดสูงสุด อัลบั้มใหม่นี้ของพวกเขาได้รับคำแซ่ซ้องอย่างเด็ดขาดเบ็ดเสร็จ ผมไม่เห็นรีวิวไหนจะออกไปในทางลบ (แต่ก็ไม่ได้อ่านอะไรมากไปกว่าหนังสือดนตรีในไทยหรอก)
ในความเห็นของเด็กปีสองคนนั้น เขาคิดว่า U2 ไป"ลองของ"มาใน The Unforgettable Fire และใน The Joshua Tree คือการลงสนามอันแท้จริง
มันไม่เหมือนการฟังเพลงจากเทปม้วนอื่นๆ พลัง,ความมุ่งมั่น และความเหนือจริงที่สมจริงของสุ้มเสียง ทุกอย่างดึงดูดเราเข้าไปอยู่กลางอัลบั้มกับพวกเขา
โบโน,ดิเอดจ์,อดัม และ แลรี่ พาเราไปชมถนนไร้ชื่อ ที่ๆทุกคนไม่ได้ถูกกำหนดจากถิ่นฐานและชาติเชื้อในการตัดสินใจเรื่องราวในชีวิต
.....พวกเขาพาเราไปค้นหาในสิ่งที่เราเชื่อ ข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า ลุยผ่านท้องทุ่ง และทำให้คำว่า "Still" มีความหมายว่า จะไปต่อ ไม่ใช่ท้อถอย
......พวกเขาพาพวกเราไปแนะนำให้รู้จักกับความสูญเสียที่ยากจะทนทาน แต่การไม่ทานทนกลับไม่ใช่หนึ่งในทางเลือกที่มี
.....เราได้ยิน เอล ซัลวาดอร์ จากแอมปลิฟายเออร์ของดิเอดจ์
.....เรายืนอยู่ท่ามกลางการตัดสินใจของชายคนหนึ่ง ที่พยายามจะบอกเราว่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเขาก็จะดำรงอยู่ให้ได้
ด้วยเสียงจากลำคอที่เปิดกว้าง โหยหวน ปวดร้าว ลากอารมณ์ ของโบโน (นั่นแน่ใจหรือว่าคือการร้องเพลง)
ด้วยเสียงกีต้าร์น้อยโน้ต แต่มากเทคนิค และกู่ก้องซ้ำซ้อนอย่างมีชั้นเชิงของดิเอดจ์
ด้วยทีมรีธึมเซ็คชั่นที่ไม่เคยออกนอกหน้า แต่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ของลารี่และอดัม
และด้วย soundscape อันเวิ้งว้างดั่งทะเลทรายใน Mojave ที่สรรค์สร้างโดย Brian Eno, Danial Lanois และ Flood
ทั้งหมดคือ The Joshua Tree ในความทรงจำของผม
No comments:
Post a Comment