Friday, February 24, 2017

#2 Pink Floyd :: Dark Side of the Moon (1973)

\
อะไรมันจะอมตะและยิ่งใหญ่ขนาดนี้? สำหรับมาสเตอร์พีซของโปรเกรสซีฟร็อค Dark Side of the Moon ตอบแบบกำปั้นทุบดิน--มัน perfect!

ความสมบูรณ์แบบ ณ ที่นี้ ไม่ได้หมายถึงความ extreme ในทุกๆมิติ แต่เป็นความลงตัวกลมกล่อมไม่ขาดไม่เกินที่น้อยอัลบั้มนักจะทำได้

แม้คุณจะไม่ได้สนใจเนื้อหาของมันจริงจังนัก แต่แค่เสียงดนตรีและซาวด์เอ็ฟเฟ็ค มันก็จะสามารถพาคุณไปกับความลึกล้ำของมันได้ มันไม่ใช่เอ็ฟเฟ็คที่ใส่เข้ามาให้เร้าใจโครมคราม แต่ทุกเสียงถูกไตร่ตรองและประดิดประดอยมาอย่างดีก่อนนำมาประดับ บางเสียงถึงกับเป็นส่วนหนึ่งของดนตรี เช่นเสียงนาฬิกาใน Time หรือท่อนริฟฟ์เครืองคิดเงินใน Money ยังไม่รวมเสียงพึมพำสารพัด เสียงหัวเราะจิตๆ (ของโรเจอร์) ที่สอดแทรกเข้ามาสร้างบรรยากาศอย่างเหมาะเจาะ

เมื่อพูดถึงความลึกล้ำ....มันเป็นความลึกล้ำที่พอจะเข้าถึงได้.... หรือไม่ก็ทำให้คุณ"คิดว่า"เข้าถึงได้

มันมีความไพเราะ ไม่ใช่ไพเราะแบบ The Beatles หรือ Simon & Garfunkel แต่เป็นความไพเราะแบบซับซ้อนของ Progressive Rock ที่อย่างน้อยก็ทำให้"ขาจร"ของแนวเพลงนี้ก็ยังรับมันได้สบายๆ

ฝีมือ... แม้ทั้ง 4 จะไม่ใช่นักดนตรีที่ได้รับการยกย่องว่าถึงระดับเทพเจ้า (อาจจะยกเว้น Gilmour คนหนึ่ง) แต่ performance และการร้อง (ทั้งนำและประสาน) ของพวกเขาก็เพียงพอเหลือเฟือในการถ่ายทอดบทเพลงใน Dark Side....

การบันทึกเสียง.. แม้จะฟังในทุกวันนี้ พวกเราก็ยังอิ่มเอมไปกับสุ้มเสียงอันหนักแน่นเต็มไปด้วยรายละเอียด และคงความเป็นอนาล็อกอย่างน่าทึ่ง... ขอบคุณ Alan Parsons และ Chris Thomas

ความสนุกของดนตรีโปรเกรสซีพอย่างหนึ่ง คือการถอดรหัส ตีความ เนื้อหาและดนตรีในแต่ละอัลบั้ม ใน Dark Side ไม่ได้ใช้ถ้อยคำเลิศหรูยากเข็ญ เรื่องราวก็ดูเหมือนจะเป็นสัจธรรมในชีวิตธรรมดาๆ แต่ความอัจฉริยะของพวกเขา (วอเตอร์ส) อยู่ที่การทำให้มันเป็นดนตรีปลายเปิด ที่อาจจะตีความไปได้สารพัด ในถ้อยคำง่ายๆนั้น

และนี่คือ the way I see the dark side of the moon.... ที่ก็เป็นแค่การตีความของแฟนเพลงคนหนึ่งที่ฟังมันมาหลายสิบปี.....

speak to me
หัวใจเริ่มเต้น เสียงจากภายนอก แทรกซึมเข้ามาถึงโสตของคุณ คุณไม่เข้าใจมัน เสียงเหล่านี้คุณจะได้ยินมันอีกในเวลาข้างหน้า ว่ากันว่าก่อนตายเราจะได้เห็นภาพทั้งหมดในชีวิตย้อนกลับมาฉายอย่างรวดเร็วให้ชมอีกครั้ง แต่เสียงที่ได้ยินนี้ มันเหมือนกับการ flash-back ล่วงหน้าให้คุณก่อน คุณกรีดร้อง

breathe (in the air)
คุณเริ่มสูดอากาศเข้าไปในชีวิต และเริ่มน้อมรับกฎไม่ธรรมชาติที่สังคมครอบงำใส่ จินตนาการ? มันไม่มีอยู่จริง สิ่งที่คุณสัมผัสได้ นั่นคือของจริง นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ

on the run
วุ่นวาย วิ่งวน วิ่งวุ่น แม้จะพินาศไปหมดแล้ว คุณก็ยังวิ่งอยู่

time
เวลา..มันจะเตือนคุณเมื่อสายไปแล้ว

the great gig in the sky
เส้นบางๆระหว่างความสุขสมและความทรมานสาหัส คุณรู้ถึงความตายที่รอคุณอยู่ แต่อะไรกันแน่ที่คุณพรั่นพรึง ความตาย หรือ ชีวิต?

money
ไม่ต้องตีความ ไม่มีสัญลักษณ์ เพราะเงินคือสัญลักษณ์ในตัวมันเอง

us and them
สรรพนามในสถานะ"กรรม" ความแตกต่าง ด้านตรงกันข้าม เอาเข้าจริง ใครตัดสิน และมันมีค่าพอไหมกับการไฟต์?

any colour you like
คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือก อะไรก็ได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร จุดจบก็เหมือนกัน

brain damage
ความผิดแผก คิดไม่เหมือนคนอื่น บ้าหรือ? เสียสติหรือ? ไม่เป็นไร ไม่ต้องตะโกนหาใคร เราไปรอเจอกันที่อีกด้าน ด้านมืดของดวงจันทร์

eclipse
ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม แต่อย่าลืมนะ ว่าบางทีอะไรๆก็อาจจะไม่เป็นอย่างทีมัน"ควรจะ"เป็น..... หัวใจยังเต้น แต่ช้าลง...เบาลง....

-------------
จริงๆแล้วมันไม่มีหรอก ด้านมืดของดวงจันทร์น่ะ
จะว่าไป มันก็มืดทั้งหมดนั่นแหละ
ผมไม่รู้สินะ ตอนนั้นผมเมามากจริงๆ

No comments:

Post a Comment