Wednesday, February 8, 2017

#24 Led Zeppelin :: Led Zeppelin (1969)

"ชาตะ-หายนะ"


ถ้ามาถามผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเราว่าเหมาะสมไหมนั่น กับการเอาภาพหายนะของเรือเหาะฮินเดนเบิร์กเมื่อปี 1937 มาเป็นปกอัลบั้มเปิดตัวอย่างนั้น "อัปมงคล" น่าจะเป็นคำตอบ แต่จิมมี่ เพจกับเพื่อนๆคงไม่ได้ไปถามใคร มันก็เลยเป็นต้นตอของภาพ facsimile อันโคตรเท่ของ LED ZEPPELIN และก็ห้ามไม่ได้จริงๆ ถ้าใครจะคิดว่ามันแฝงนัยทางเพศบนภาพการผงาดครั้งสุดท้ายของเรือเหาะนั่น!

นี่เป็นอัลบั้มที่มีสุ้มเสียงที่"สด"ที่สุดของ Led Zeppelin พวกเขามีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงในการบันทึกเสียงที่ Olympic Studio (อยู่ในช่วง 15-36 ชั่วโมง แล้วแต่คุณจะเชื่อการให้ปากคำครั้งไหนของเพจ) นั่นทำให้ไม่มีการ overdub อะไรมากมายนัก อีกเหตุผลหนึ่งของความ "สด" ก็คือ--สี่หนุ่ม Robert Plant, Jimmy Page, John Paul Jones และ John Bonham เพิ่งรวมตัวกันเล่นดนตรีได้ไม่นานนัก สำหรับแพลนต์และบองโซ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใส่หูฟังในห้องอัดกับเขาด้วยซ้ำ แต่กระนั้น, ไม่มีอะไรสักนิดจะแสดงให้เราได้ยินว่าพวกเขาเป็นมือใหม่ตื่นสนาม

เวลายังทอดยาวให้ Led Zeppelin เติบโตและเดินทางอีกนับทศวรรษจากนี้ แต่ในอัลบั้มแรกพวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วถึงความหลากหลายในดนตรีที่แสดงออก อย่างที่คุณพัณณาศิสเคยกล่าวไว้ว่า นี่เป็นวงดนตรีที่มี"แนวแฝง"ในแทบทุกๆเพลง เป็นเรื่องไร้สาระที่จะตีตราว่าพวกเขาเป็นแค่ heavy metal หรือ hard rock แนวหลักของพวกเขาคือ Blues แล้วก็ค่อยมาดูกันว่าแต่ละเพลงจะเอาไปคลุกผสมกับแนวแฝงแนวไหน และนั่นคืออีกข้อที่แสดงออกมาอย่างชัดแจ้ง คำเดียวสั้นๆ "ฝีมือ"

Good Times Bad Times เพลงเปิดอัลบั้มและเปิดตัวที่ทำได้คึกคักและโชว์ฝีมือทุกคนออกมาพออุ่นๆ เด่นที่สุดเห็นจะเป็นการหยอกล้อกันของกระเดื่องและกลองใบอื่นๆภายใต้อำนาจของ Bonham

Babe, I'm Gonna Leave You เอาเพลงโฟล์คมาทำเป็นเฮฟวี่ ด้วยลีลาในแบบ light and shade (เดี๋ยวหนัก เดี๋ยวเบา) ที่จะเป็นเอกลักษณ์สำคัญของวง ลึกลงไปคือความสับสนในจิตใจที่แสดงออกมา ว่าฉันจะทิ้งเธอไปดีไหมนี่ เพลงโปรดของ Rick Rubin โปรดิวเซอร์ชื่อดัง

cover slow blues สองเพลง You Shook Me และ I Can't Quit You Baby แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ๆในการเล่นเพลงบลูส์ตรงไปตรงมาแบบนี้ให้สร้างสรรค์ โดยเฉพาะการเวียนกันโซโล่สามครั้งใน You Shook Me (ออร์แกนโดย โจนส์, ฮาร์โมนิก้า โดย แพลนต์ และ เพจ กีต้าร์)

Dazed And Confused เพลงโชว์การ"สีกีต้าร์"ด้วยคันชักไวโอลินของ Page และท่อน trip out อันลือลั่น ถ้าฟังแล้วคิดว่ามันหลุดโลกใน 6.28 นาทีนี้ ในการแสดงสดพวกเขาไปไกลกว่านี้อีกมาก

Communication Breakdown สั้น แรง เร็ว ตรงประเด็น มันคือพังค์ที่มาก่อนกาล

และแทร็คสุดท้าย How Many More Times เพลง original ที่หยิบนู่นยืมนี่มาแปะเต็มไปหมด แต่คั่วเข้ากันด้วยความเมามันส์และยิ่งใหญ่ กล่าวง่ายๆว่า มีอะไรใส่หมดในเพลงนี้ ก็ใครจะไปรู้ว่าจะมีโอกาสต่อไปกันอีกไหม

หลังจากได้ฟัง performance ของพวกเขาใน BBC Sessions แล้ว ผมมองว่าชุดนี้จืดไป และแทบไม่อยากฟังมันอีกเลย แต่ไม่นานเมื่อกลับมาฟังก็ไม่รีรอที่จะขอคืนดี... I can't quit you baby!

No comments:

Post a Comment