Friday, December 30, 2016

#87 Eric Clapton :: Clapton (2011)

Clapton (2010)-Eric Clapton ****

แนวดนตรี-Blues, Rock
โปรดิวเซอร์-Eric Clapton, Doyle Bramhall II, Justin Stanley



Eric Clapton เคยมีอัลบั้มชื่อเดียวกับตัวเขามาก่อนแล้ว ตอนออกโซโลอัลบั้มชุดแรกในปี 1970 แต่การที่เขาตัดสินใจใช้นามสกุลของเขาเป็นชื่ออัลบั้มชุดที่ 20 ของเขานี้ ย่อมมีความหมายอะไรบางอย่างมากกว่าการคิดอะไรไม่ออก ช่วงหลายปีหลังมานี้ แคลปตันเดินทางไปเยี่ยมผู้ร่วมงานทางดนตรีของเขาในอดีตกาลแทบจะครบทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการไปเล่นคอนเสิร์ตกับ John Mayall รียูเนียนกับ Jack Bruce และ Ginger Baker ในนาม Cream, หวนอดีต Blind Faith กับ Steve Winwood, เล่นเพลงของ Derek and the Dominos แทบจะยกอัลบั้มในสมัยที่ได้หนุ่มมือสไลด์กีต้าร์อัจฉริยะ Derek Trucks มาร่วมวงด้วย, ออกแสดงกับมือกีต้าร์ที่เคยอยู่วง Yardbirds ด้วยกัน Jeff Beck, ออกอัลบั้มคู่กับศิลปินคนโปรด J.J. Cale, ทำอัลบั้ม tribute ให้ Robert Johnson นักกีต้าร์ผู้มีอิทธิพลต่อเขามากที่สุด ดูเหมือนแคลปตันจะเยี่ยม ญาติทางดนตรีของเขาครบถ้วนแล้ว

แต่ยัง.. ‘Clapton’ เป็นงานที่แคลปตันเดินทางกลับไปลึกยิ่งกว่านั้น ดนตรีที่ดังจากวิทยุที่บ้านของเขาในวัยเด็ก Blues, New Orleans Jazz, Standard ที่เขาชื่นชอบ ก่อนที่ร็อคแอนด์โรลจะเดินทางมาถึง มีเพลงใหม่ใน ‘Clapton’ เพียงแค่ 2 เพลง และเขาร่วมแต่งด้วยแค่เพลงเดียว แต่ทั้ง 14 เพลงก็ไปด้วยกันได้ดี

คราวนี้เขาไม่ได้เรียกใช้บริการของ Simon Climie มาเป็นโปรดิวเซอร์อีก อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการ sound ที่ดิบและติดดินในแบบแผ่นเสียงของ J.J. Cale มากกว่างานที่เนี้ยบทุกโน้ตด้วย Pro-tools ในแบบของ Simon

อัลบั้มนี้เริ่มต้นด้วยการที่แคลปตันอยากทำงานร่วมกับ J.J. อีกครั้งเพราะเขายังไม่ค่อยพอใจกับ The Road To Escondido อัลบั้มที่แล้วที่เขาทำกับ Cale นัก แต่แผนก็เปลี่ยนไปเมื่อเวลาผ่านไป โดยสุดท้ายมีเพลงของ Cale 2 เพลงและเขาร่วมเล่นกีต้าร์อีกในบางเพลง และที่เหลือเป็นเพลงเก่าๆที่แคลปตันรักและไม่เคยนำมาบันทึกเสียงมาก่อน

นักดนตรีหลักใน ‘Clapton’ คือ Doyle Bramhall II มือกีต้าร์คู่บุญที่รับบทโปรดิวเซอร์ร่วมกับแคลปตันด้วย ฝีมือของ Doyle ในชุดนี้ดูจะบรรลุไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว, มือกลองรุ่นเก๋า Jim Keltner ที่ฝากฝีมือไว้ในอัลบั้มดังๆมากมายของหลากหลายศิลปิน, Willie weeks เล่นเบสทั้งไฟฟ้าและอคูสติก ส่วนคีย์บอร์ดคือ Walt Richmond

นักดนตรีหลักทั้งห้าคน(รวมแคลปตัน) เล่นเปิดในเพลง Travelin’ Alone เพลงเก่าของ Melvin Jackson ที่แคลปตันเคยซื้อแผ่นเสียงไว้ตั้งแต่อายุ 15 เป็น blues jam ที่เข้มข้นและน่าตื่นเต้น Rockin’ Chair เพลงของ Hoagy Carmichael จังหวะโยกเยกนุ่มนวลสบายๆ ได้ Derek Trucks มาสไลด์กีต้าร์เพราะๆ แคลปตันร้องอย่างสบายอารมณ์โดยมีเสียงประสานเคลิ้มๆของ Nikka Costa คลอไปด้วย เพลงของ Cale สองเพลงคือ River Runs Deep และ Everything Will Be Alright ก็ยังคงเป็นเพลงในแบบฉบับของเขาอยู่ แต่ได้เครื่องสายจาก The London Session Orchestra มาโอบอุ้มให้ความอลังการขึ้นอย่างงดงาม
Judgement Day บลูส์สนุกๆของ Snooky Pryor แคลปตันร้องได้เฮฮาล้อไปกับเสียงฮาร์โมนิกาอันโดดเด่นของ Kim Wilson ฟังแล้วครึกครื้นยิ่งนัก

เพลงแสตนดาร์ดชื่อดังสองเพลงที่แคลปตันนำมาร้องในชุดนี้คือ How Deep Is The Ocean ของ Irving Berlin ได้เทพแจ๊ซ Wynton Marsalis เป่าทรัมเป็ตให้หมดจด ส่วน Autumn Leaves ของ Johnny Mercer เพลงปิดอัลบั้ม แคลปตันฝากโซโลอันน่าจดจำไว้ถึงสองโซโล ท่อนแรกเป็นอคูสติก และท่อนปิดท้ายเป็นอีเล็กทริคที่นุ่มนวลและเปี่ยมอารมณ์อย่างที่สุด Ry Cooder เคยเตือนแคลปตันไว้ว่าการนำเพลงแบบนี้มาใส่ในอัลบั้มบลูส์แบบนี้อาจจะทำให้ผู้ฟัง หัวทิ่ม ได้ แต่แคลปตันก็วางเพลงได้ดี ฟังแล้วไม่รู้สึกอะไรอย่างที่ Cooder กลัว สองเพลงนี้ยืนยันว่าแคลปตันได้ก้าวผ่านพรมแดนของแนวดนตรีไปแล้ว มันไม่ใช่การ cover แบบ Rod Stewart แต่คือการนำเพลงแนวอื่นที่ไม่ใช่แนวถนัดมาทำเป็นของตัวเองได้อย่างเนียนแนบ

ถ้าอยากฟังแคลปตันในแบบ laid back ร็อคนุ่มๆเหมือนในยุค 461 Ocean Boulevardหรือ Slow Hand ก็มี 2 เพลงคือ That’s No way To Get Along ผลงานของ Robert Wilkins ที่ Rolling Stones เคยนำไปดัดแปลงเป็นเพลง Prodigal Son มาแล้ว แคลปตันร้องคู่กับ Cale และปล่อยให้ Doyle โซโลกีต้าร์โดดเด่น ส่วน Run Back To Your Side ยิ่งร็อคมากขึ้น Derek, Doyle และ แคลปตันแจมกีต้าร์กันอย่างเมามัน มันเป็นเพลงที่เชื่อว่าแฟนๆของแคลปตันอยากจะฟัง และอยากให้มีแบบนี้อีกมากๆ

นอกจาก Wynton Marsalis ที่มาในทาง jazz แล้ว แคลปตันยังได้ Allen Toussaint มาเล่นเปียโนให้ในเพลง When Somebody Thinks You’re Wonderful และ My Very Good Friend The Milkman ที่ออกไปในแนวนิวออร์ลีนแจ๊ซสนุกๆแบบของอัลเลน

ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มคือ Diamonds Made From Rain ที่ได้ Sheryl Crow มาร้องด้วย เป็นบัลลาดที่ฟังง่ายและน่าจะติดหูที่สุดในอัลบั้ม และเป็นอีกเพลงที่แคลปตันฝากโซโลไว้ได้แสนไพเราะ

ชื่ออัลบั้ม ‘Clapton’ น่าจะมาจากบทเพลงเหล่านี้คือตัวตนของเขา บอกความเป็นมาของดนตรีในหัวใจของเขาตั้งแต่วัยเด็ก และความเป็นตัวของตัวเองในปัจจุบันที่ดูเหมือนเขาจะทำเพลงในแบบที่เขาอยากทำจริงๆไม่ได้อิงตลาดหรืออะไรอีกต่อไป นี่เป็นอัลบั้มที่อาจจะฟังยากและน่าเบื่อเสียหน่อยสำหรับคนไม่คุ้นเคยกับเพลงแนวนี้ แต่เมือท่านทำความรู้จักกับมันดีพอแล้ว ไม่น่าพลาดที่จะหลงรัก ‘Clapton’ ครับ นี่คืออัลบั้มที่ดีที่สุดของเขาในรอบหลายปี คุณค่าของมันอยู่ในระดับดียวกับอัลบั้ม Unplugged แม้จะไม่งดงามน่าหลงใหลเท่าก็ตาม

No comments:

Post a Comment