Friday, December 30, 2016
#74 Sonny Rollins :: Saxophone Colossus
<อนุสาวรีย์เทพแซ็ก>
คุณต้องมีความมั่นใจระดับไหนถึงจะกล้าตั้งชื่ออัลบั้มแบบนั้น และภาพปกแบบนั้น ขณะที่คุณมีอายุแค่ 26 ปี?
คำตอบ--ก็ต้องระดับเดียวกับ Sonny Rollins ในปี 1956 นั่นแหละครับ
ชีวิตแจ๊สของซันนี่ดูเหมือนจะไม่มีช่วงค้นหาตัวเองอะไรมากมาย เขาเข้าสู่วงการก็เริ่มร่วมเล่นกับบรรดาเทพเจ้าแห่งแจ๊สเลย ตั้งแต่ J.J. Johnson, Bud Powell, Miles Davis, Modern Jazz Quartet, Charlie Parker และ Thelonious Monk แต่ปัญหาเรื่องยาเสพติดและการถูกจับกุมดูจะฉุดรั้งเขาไว้ไม่ให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด จนกระทั่งปี 1955 เขายอมทดลองการใช้ Methadone (ขณะนั้นยังอยู่ในช่วงทดลอง) เพื่อการเลิกเฮโรอีน และผลออกมาในแง่บวก
ความหวั่นเกรงว่าชีวิตที่ไร้ยาเสพติดจะมีผลเสียต่อความสามารถทางดนตรีของซันนี่นั้นถือเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะหลังจากนั้น นักแซ็กโซโฟนหนุ่มระเบิดฟอร์มสุดขีดแห่งชีวิต ปี 1956 เขาร่ายมนต์ปล่อยผลงานระดับสี่ดาวออกมาราวกับว่ามันง่ายดายยิ่งกว่ากินกล้วยที่ปอกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Sonny Rollins Plus 4, Tenor Madness หรือ Plays For Birds ล้วนออกมาในปีเดียวกันนี้ (ทุกชุดมีให้ฟังใน TIDAL)
แต่เหนืออื่นใดในปีนั้นก็คือ "อนุสาวรีย์แห่งเทพเจ้าแซ็กโซโฟน" Saxophone Colossus นี่แหละ 60 ปีที่แล้ว ซันนี่นำทีม quartet ที่ประกอบไปด้วยตัวเขาเอง (เทเนอร์แซ็ก) Tommy Flanagan (เปียโน) Doug Watkins (เบส) และ Max Roach (กลอง) เดินทางเข้าห้องอัดที่สตูดิโอที่บ้านของหมอ Rudy Van Gelder ในนิวเจอร์ซี่ในวันที่ 22 มิ.ย. 1956 เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้านี้ของแจ๊ส
มีเพียง 5 เพลงในอัลบั้ม เปิดด้วย "St. Thomas" เพลงที่ต่อมากลายเป็นเพลงลายเซ็นของซันนี่ มันเป็นแจ๊ซคาลิปโซที่ฟังสนุกเร้าใจ แต่ในการอิมโพรไวซ์แซ็กของเขาเต็มไปด้วยเทคนิคซับซ้อนที่คนฟังอาจจะไม่ต้องรู้เบื้องหลัง และคงไม่มีใครตีกลองแบบนี้ได้สนุกเท่า Max Roach มันคือหนึ่งในเพลงแจ๊สที่โด่งดังที่สุดตลอดกาล ระดับเดียวกับ So What ของ Miles Davis "You Don't Know What Love Is" บัลลาดจากการแต่งของ Don Raye และ Gene de Paul ที่ซันนี่โชว์การเป่าที่แสนหวานกลมกล่อมอยู่ในความกล้าแกร่ง เขาจบหน้าแรกของแผ่นเสียงด้วยเพลง original อีกเพลง "Strode Rode". อันเป็น upbeat hard bop สุดเข้มข้น
หน้าสองของแผ่นเสียงมีเพียง 2 แทร็ค "Moritat" ก็คือ Mack The Knife ที่เรารู้จักกันดี และปิดท้ายด้วยเพลงบลูส์มาสเตอร์พีซ "Blue 7" ที่เป็นเพลงปล่อยของประจำอัลบั้ม มีนักวิจารณ์นักวิเคราะห์ชำแหละการเดินทางของเส้นเสียงและตัวโน้ตในเพลงนี้มากมาย โดยเฉพาะวิธีการในการอิมโพรไวส์ของซันนี่ ที่ผู้สนใจลึกซึ้งคงต้องไปศึกษาต่อกันเอง
มันคือมาสเตอร์พีซยาว 40 นาทีที่ฟังสนุกไม่รู้เบื่อ เข้าถึงง่าย (อาจจะยกเว้นแทร็คสุดท้าย) แม้คนไม่เคยฟังแจ๊ส performance และ musicianship ของนักดนตรีทั้ง 4 อยู่ในขั้นสูงสุด มันอาจจะไม่ได้เป็นขวัญใจออดิโอไฟล์เหมือน Way Out West แต่การบันทึกเสียงระบบโมโนในปี 1956 ด้วยฝีมือของหมอรูดี้ก็แทบจะไร้ที่ติเตียนใดๆ
ปัจจุบัน Sonny Rollins อายุ 86 ปี เขาไม่ได้มีผลงาน studio albums ที่เลิศเลอมาหลายสิบปีแล้ว แต่บนเวทีการแสดงเขายังยิ่งใหญ่เสมอ เราคงอยากเห็นเขาโลดแล่นในวงการต่อไปในฐานะ มหาบุรุษแจ๊สคนสำคัญที่สุดที่ยังมีลมหายใจ แต่เมื่อถึงวันนั้น ผมมั่นใจว่า ณ ที่ใดที่หนึ่ง ต้องมีการสร้างอนุสาวรีย์ให้ซันนี่ โรลลินส์ ทองสัมฤทธิ์สีดำสนิท ดั่งปกอัลบั้มนี้
tidal.com/album/3339170
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment