ถ้าจะมีผู้ชายสักคนที่ต้องรับผิดชอบกับการตกเป็นสาวกของดนตรีโปรเกรสซีพร็อคของเด็กไทยจำนวนหนึ่งในยุค 80's ชื่อของเขาคือ พัณณาศิส ศิลาพันธุ์ เจ้าของคอลัมน์ "เดินตามร่อง"อันโด่งดังในสตาร์พิคส์ และแฟนๆของคุณพัณณาศิสจะรู้กันดีว่า Genesis คือวงดนตรีสุดรักของยอดคอลัมนิสต์ดนตรีผู้นี้
ไม่หรอก, เราไม่ได้สิ้นคิดขนาดที่ว่าต้องเดินตามสิ่งที่พัณณาศิสแนะนำทุกอย่าง แต่ในวันเวลาแบบนั้น เราแทบจะอยากฟังทุกอย่างที่เขาเอ่ยถึง เพราะทุกอย่างที่เขาแนะนำ มันช่างดีงาม และเปิดโลกทัศน์ดนตรีของเด็กๆอย่างเราให้กว้างไกลออกไปอย่างรวดเร็วและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ถ้ายุคนั้นมี TIDAL เราคงไม่คิดจะหลับนอน ฟังเพลงกันจนน้ำลายฟูมปาก
มันนานเนิ่นมาแล้วจนระลึกไม่ได้แน่ชัดว่าทำไมเราถึงชอบดนตรีโปรเกรสซีพ คงไม่ใช่เพราะความเท่แน่ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปอวดใคร เดาว่ามันคงเป็นจังหวะแห่งวัยวุฒิที่ต้องการแสวงหาอะไรที่มันเป็นปรัชญา ลุ่มลึก ต้องการการตีความ วันเวลาที่รู้สึกว่าเราพร้อมเหลือเกินกับอะไรที่ต้องใช้พลังสมองอย่างเต็มที่ (ไม่เกี่ยวกับการเรียนหนังสือ)
ผมไม่ใช่นักฟังพร็อกที่ดีนัก เพราะมีช่วงเวลาระเบิดในการกวาดล้างสั้นๆไม่กี่ปี ก่อนที่จะถดถอยและหลบหนีไปในซอกมุมของดนตรีแนวอื่น เช่น แจ๊ซ คลาสสิก โซล แต่ในเวลาไม่กี่ปีนั้นตามสูตรก็หนีไม่พ้นต้องฟังสิ่งที่เขาว่ากันว่าดีที่สุดในวงการ และ "Selling England By The Pound" ของ Genesis ก็เป็นหนึ่งในชุดที่ต้องมี ต้องฟัง ผมเริ่มฟังมันจากแผ่นเสียงเลย โดยได้มาในช่วงราวปี 1983-84 พร้อมๆกับอีกหลายชุดของพวกเขา
การฟัง Genesis เหมือนหลุดเข้าไปใน FairyTales ที่ทุกอย่างบรรยายด้วยเสียงดนตรี เสียงคีย์บอร์ดแบบสร้างบรรยากาศและแต่งแต้มสีสันของ Tony Banks ไม่ได้ฉูดฉาดเข้าหูเหมือน Rick Wakeman หรือ Keith Emerson, Peter Gabriel ก็ร้องเหมือนกำลังแสดงละครเวทีพร็อกร็อค, Phil Collins ที่ผมแอบทราบมาจากอนาคตว่าต่อมาจะเป็นนักร้องดัง ตีกลองได้ละเอียด,รวดเร็วและเต็มไปด้วยลูกเล่นพันลึก, โซโลกีต้าร์และอคูสติกของ Steve Hackett เจิดจ้า หวาน และงดงามเป็นธรรมชาติ และผมชอบเสียงเบสที่เต็มไปด้วยลีลาสีสันของ Mike Rutherford
ในความเห็นของผมนี่คืออัลบั้มที่ดีที่สุดของ Genesis แทบทุกเพลงล้นเหลือไปด้วยไอเดียและฝีมือ ตั้งแต่แทร็คแรก Dancing With The Moonlit Knight, Firth of Fifth และ The Cinema Show เหล่านี้ทุกเพลงคือตำนานของดนตรีพร็อก
แต่ก็อย่างที่บอก Genesis ไม่เหมือนวงพร็อกระดับเจ้าพ่อวงอื่นๆ พวกเขาไม่ทำให้ฟังแล้วดูอวดฉลาดหรือโชว์-ออฟ (แม้ว่าจริงๆจะโชว์) มันเหมือนแค่พวกเขามาเล่านิทานปรัมปราให้พวกเราฟัง และบางตอนของมันก็ซับซ้อนเข้าใจยาก จนเราต้องขอให้พวกเขาเล่าอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ไม่ว่านิทานนั้นจะเข้าใจยากแค่ไหน Genesis ก็เล่ามันได้สนุกทุกครั้งไป
No comments:
Post a Comment